แผนการจัดการเรียนรู้ "สงครามโลกครั้งที่ 1" โดยใช้ ASSURE Model


กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม                 สาระ ประวัติศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5                                                              เรื่อง สงครามโลกครั้งที่ 1

สาระสำคัญ

สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (อังกฤษ: World War I หรือ First World War) หรือที่มักเรียกว่า "สงครามโลก" หรือ "มหาสงคราม (Great War) เป็นสงครามใหญ่ที่มีศูนย์กลางในยุโรป เกิดขึ้นในระหว่าง ค.ศ.1914 1918 คู่ความขัดแย้งคือ ฝ่ายสัมพันธมิตร ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย และฝ่ายมหาอำนาจกลาง ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี การสู้รบเกิดขึ้นตามแนวรบด้านตะวันตกเป็นการรบรูปแบบสนามเพลาะ ส่วนในแนวรบด้านตะวันออก เนื่องจากเป็นที่ราบกว้างขวางและมีเครือข่ายทางรถไฟจำกัดทำให้ไม่สามารถรบรูปแบบสนามเพลาะได้ ขณะที่แนวรบตะวันออกกลางและแนวรบอิตาลีก็มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดเช่นกัน

การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน ( Analyze Learner Characteristics )

          โรงเรียนเพลินพิชญ์ เป็นโรงเรียนขนาดกลางที่มีวิวทิวทัศน์ข้างหลังโรงเรียนเป็นผืนป่าของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เปิดสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) ผู้เรียนส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง พื้นฐานทางครอบครัวอยู่ในระดับดี วัฒนธรรมในโรงเรียนเป็นความผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยละวัฒนธรรมสากล จึงจำเป็นต้องเรียนรู้เหตุการณ์สำคัญของโลกเพื่อให้รู้ความเป็นมาของโลกมากขึ้น สามารถเชื่อมโยงอดีตเข้ากับปัจจุบันได้และที่สำคัญคือสามารถใช้อดีตเป็นบทเรียนในการดำเนินชีวิตในอนาคต

ลักษณะทั่วไป
ผู้เรียนกำลังศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 อายุอยู่ในช่วงกึ่งกลางระหว่างวัยรุ่นตอนต้นกับวัยรุ่นตอนปลาย มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มในวัยเดียวกัน รักความเป็นอิสระ ชอบลองทำสิ่งใหม่ ๆ เริ่มต่อต้านหรือท้าทาย

ลักษณะเฉพาะ
ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับ “สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง” ในระดับเบื้องต้น จากการเรียนรู้ด้วยการท่องจำ ยังขาดการเชื่อมโยงเรื่องราวกับเหตุการณ์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนใหญ่เข้าใจทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (ฟัง พูด อ่าน เขียน) แต่หากมีคำศัพท์เฉพาะทางวิชาการหรือคำศัพท์ที่ใช้กับเหตุการณ์นั้น ๆ ครูต้องอธิบายเพิ่มเติม นอกจากนี้ ผู้เรียนยังมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยเพื่อค้นคว้าหาความรู้ แต่ยังขาดความรู้เท่าทันและการเลือกรับข้อมูลที่มีเหตุมีผลอย่างเพียงพอ ความสนใจต่อเนื้อหาวิชายังมีไม่มากเพราะผู้เรียนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องไกลตัว

การกำหนดวัตถุประสงค์ ( State Objectives )

ด้านพุทธพิสัย (ความรู้)
- ผู้เรียนสรุปเรื่อง “สงครามโลกครั้งที่ 1” เป็นองค์ความรู้ของตนเองได้
- ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นเรื่อง “สงครามโลกครั้งที่ 1” ได้ 

ด้านทักษะพิสัย (ทักษะ)
- ผู้เรียนใช้เทคโนโลยีเข้าถึงความรู้ได้
- ผู้เรียนนำเสนอองค์ความรู้ “สงครามโลกครั้งที่ 1” ในรูปแบบของตนเอง

ด้านเจตพิสัย (เจตคติ)
- ผู้เรียนกระตือรือร้นในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายในห้องเรียน
- ผู้เรียนควบคุมตนเองได้เมื่อได้รับรู้ถึงความคิดเห็นที่ขัดแย้ง

การเลือก ดัดแปลงหรือออกแบบสื่อใหม่ ( Select, Modify, of Design Materials )

การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว
- หนังสือเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
- หนังสือประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1
- คอมพิวเตอร์
- สมาร์ทบอร์ด

สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ
- การอภิปรายกลุ่ม

การปรับปรุงหรือดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว
          นำเนื้อหามาย่อยและนำเสนอข้อความที่เป็นใจความสำคัญ พร้อมภาพประกอบและวิดิโอ รวมทั้งตั้งคำถามเชิงวิพากษ์และคิดวิเคราะห์ นำเสนอผ่าน power point presentation แล้วเปิดกับคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทบอร์ดภายในห้องเรียนที่ผู้เรียนสามารถขีดเขียนข้อความหรือวาดภาพให้เพื่อนร่วมชั้นได้เรียนรู้ไปในแนวทางเดียวกัน ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้เรียนได้มากกว่าในหนังสือ

การออกแบบสื่อใหม่
          ครูออกแบบกิจกรรมเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมภายในห้องเรียน โดยการให้ผู้เรียนรวมกลุ่มแล้วอภิปรายหัวข้อต่าง ๆ ภายในกลุ่มตนเองเพื่อหาข้อสรุปของกลุ่มก่อนแล้วจึงอภิปรายระหว่างกลุ่ม

การใช้สื่อ ( Utilize Materials )

- ทบทวนเนื้อหาเพื่อคัดเลือกบทเรียนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และทดลองใช้ก่อนเพื่อปรับปรุงแก้ไขก่อนลงมือปฏิบัติจริง
- เตรียมสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก จัดเตรียมสถานที่ ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนและเหมาะสมกับกิจกรรมภายในห้องเรียน
- เตรียมผู้เรียนให้พร้อมก่อนจะเรียน เช่น นำเสนอวิดิโอในลักษณะ Trailer เพื่อชวนให้ผู้เรียนเรียนรู้เนื้อหาเบื้องต้นและชวนให้ติดตามต่อไป
- การนำเสนอและการควบคุมชั้นเรียน  ครูจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ในขั้นต้น ในระหว่างการอภิปรายระหว่างกลุ่ม ครูจะเสนอแนะความคิดเห็นและเพิ่มเติมเกร็ดความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการอ้างอิงเพื่อให้ความคิดเห็นนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น   

การกำหนดการตอบสนองของผู้เรียน ( Require Learner Response )

ในระหว่างการนำเสนอแต่ละครั้ง จะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและผู้เรียน เช่น เปิดให้ผู้เรียนถามคำถามที่สงสัย หรือครูสุ่มถามผู้เรียนเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ เมื่อเข้าสู่กิจกรรมการอภิปราย ครูให้ผู้เรียนนำเสนอข้อคิดเห็นของตนเองทั้งโดยการพูดและการเขียนหรือทำสัญลักษณ์ต่าง ๆ ตามที่ครูกำหนด โดยครูจะไม่เข้าไปแทรกระหว่างการการทำกิจกรรมของผู้เรียน แต่ละคอยสังเกตอยู่ข้างนอกวงและควบคุมกิจกรรมให้เป็นไปตามขอบข่ายของเวลา

การประเมินการใช้สื่อ ( Evaluate and Revise )


            ครูจะประเมินผลกระบวนการเรียนการสอนได้จากการเขียนสะท้อนคิดและการอภิปรายภายในชั้นเรียน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ครูทราบว่า กิจกรรมในชั้นเรียนและสื่อการเรียนรู้ต่าง  ๆ มีผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนมากน้อยเพียงใดและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ครูตั้งไว้หรือไม่ 






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สงครามโลกครั้งที่ 1 (World War I)